วันพุธที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2556

ความเป็นมา
                กาฟักไข่เป็นกีฬาพื้นเมืองเก่าแก่ที่เล่นสืบเนื่องต่อกันมาเป็นเวลานานแล้ว แต่ไม่ปรากฏหลักฐานว่ามีเล่นมาตั้งแต่เมื่อใด พบว่ามีการเล่นกีฬากาฟักไข่กันแล้วในช่วงรัชสมัยรัชกาลที่ ๗ แห่งหรุงรัตนโกสินทร์ กาฟักไข่นิยมเล่นกันในจังหวัดต่างๆ ของภาคกลางสมัยก่อน เช่น นครปฐม กรุงเทพฯ ธนบุรี และกาญจนบุรี เป็นต้น การเล่นกาฟักไข่เป็นการเล่นเลียบแบบชีวิตสัตว์ คือ กา ซึ่งหวงไข่เมื่อมีคนมาแย่งไข่ก็จะป้องกันรักษาไข่ของตนไว้
               ในภาคอื่นๆก็มีการเล่นที่มีลักษณะเหมือนกับกีฬากาฟักไข่เช่นกัน แต่เรียกชื่อเป็นอย่างอื่น เช่น ภาคเหนือ เรียกว่า “แย่งไข่เต่า” ก็มี “ซ่อนไข่เต่า” ก็มี ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเรียกว่า “เต่าฟักไข่” ภาคใต้เรียกว่า “จระเข้าฟาดหาง” บ้าง “ยั่วกระทิง” บ้าง หรือเรียกว่ากระทิงก็มี เป็นต้น สมัยก่อนกีฬากาฟักไข่มักเล่นกันในงานขึ้นปีใหม่ เทศกาลตรุษสงกรานต์และงานรื่นเริงอื่นๆของชาวบ้าน เพื่อเป็นการออกกำลังกาย สามานสามัคคีในหมู่คณะ และได้สนุกสนานร่วมกัน ปัจจุบันการเล่นกาฟักไข่ยังคงมีเล่นอยู่โดยทั่วไป
                ผู้เล่น
                เล่นได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ทั้งชายและหญิง อย่างน้อยควรมีผู้เล่น ๕-๖ คนขึ้นไป ไม่จำกัดจำนวนผู้เล่น ยิ่งมากยิ่งสนุกสนาน เพราะสามารถแบ่งการเล่นออกเป็นหลายวงได้
                อุปกรณ์การเล่น
                กาบมะพร้าวเพื่อใช้สมมติเป็นไข่กา คนละ ๑ กาบ ลูกตระกร้อเล็กๆขนาดผลส้มเขียวหวาน หรือจะใช้กิ่งไม้เล็กๆยาวประมาณ ๑ คืบแทนก็ได้
                สถานที่เล่น
                บริเวณลานดินกว้าง เช่น ลานบ้าน ลานวัด กำหนดสนามเล่นโดยเขียนที่พื้นเป็นรูปวงกลม ให้มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ๓-๔ เมตร
                วิธีเล่น
                ๑. ผู้เล่นทั้งหมดเสี่ยงเพื่อหาตัวผู้เป็นกาหนึ่งคน จากนั้นให้นำเอาวัตถุที่สมมติว่าเป็นไข่กา จำนวนเท่ากับผู้เล่นทั้งหมด (ยกเว้นกา) มาวางกองรวมกันไว้ที่กลางวงกลม ผู้เป็นกาจะคอยเฝ้าไข่กาไว้ มิให้ผู้เล่นคนหนึ่งคนใดมาแย่งเอาไปได้
                ๒. ผู้เล่นคนอื่นๆ จะอยู่รอบๆวงกลม และหาโอกาสแย่งไข่กาออกจากวงกลม คนหนึ่งๆจะหยิบไข่กากี่ฟองก็ได้ แต่ต้องระวังอย่าให้ผู้เป็นกาถูกตัวได้ถ้ากาถูกตัวผู้ใดได้ ผู้นั้นจะต้องทำหน้าที่เป็นกาแทน ส่วนผู้เป็นกาอยู่เดิมจะออกมาเป็นผู้แย่งบ้าง และไข่กาที่สามารถแย่งออกมาได้นั้น จ้องนำกลับคืนมาเริ่มเล่นใหม่
                ๓. ถ้าผู้เล่นสามารถแย่งไข่กาออกมาได้หมด ต้องให้ผู้เล่นส่วนหนึ่งช่วยกันปิดตาผู้เป็นกา อีกส่วนหนึ่งนำไข่กาไปซ่อนภายในขอบเขตบริเวณที่กำหนดไว้ เมื่อซ่อนเสร็จจึงเปิดตาผู้เป็นกาเพื่อให้ออกหาไข่กา ขณะที่ผู้เป็นกาออกหาใข่กานั้น ผู้เล่นคนอื่นๆจะต้องเดินตามผู้เป็นกามาด้วยเพื่อหยอกล้อผู้เป็นกา แต่ต้องระวังเพราะถ้าผู้เป็นกาหาไข่กาพบและใช้ไข่กานั้นขว้างถูกผู้เล่นคนใด ผู้เล่นคนนั้นจะต้องเป็นกาแทน และเริ่มเล่นใหม่ต่อไป แต่ถ้าผู้เป็นกาขว้างไม่ถูกใครเลย ผู้เป็นกานั้นก็ต้องเป็นกาต่อไป
                ๔. หากผู้เปากาหาไข่กาไม่พบและยอมแพ้ จะถูกผู้เล่นทุกคนช่วยกัน จูงหูไปยังที่ซ่อนไข่กา เมื่อถึงที่ซ่อนไข่กาแล้ว ถ้ากาสามารถใช้ไข่กาขว้างถูกผู้เล่นคนใดได้ ผู้เล่นคนนั้นก็จะต้องเป็นกาแทนและเริ่มเล่นใหม่ต่อไป แต่ถ้าขว้างไม่ถูกใครเลย ผู้เป็นกาก็ต้องเป็นกาต่อไป
                ๕. ถ้าผู้เป็นกาคนเดียวกันถูกแย่งไข่กาได้หมดถึง ๓ ครั้งติดต่อกัน จะต้องถูกปรับให้นอนลง แล้วผู้เล่นจะช่วยกันหามไปวางห่างจากวงประมาณ ๒๐ เมตร ผู้เป็นกาจะต้องลุกขึ้นวิ่งไล่เเตะให้ถูกผู้เล่นคนใดคนหนึ่ง ถ้าแตะถูก ผู้เล่นคนนั้นจะต้องเป็นกาแทน ถ้าแตะไม่ถูกและผู้เล่นหนีเข้าวงกลมได้หมดุกคนเสียก่อน ผู้เป็นกาจะต้องเป็นกาต่อไป
                ๖. ผู้เล่นคนใดเป็นกามากครั้งที่สุดจะถือว่าเป็นผู้แพ้ ผู้เล่นคนใดเป็นกาน้อยครั้งที่สุดหรือไม่เคยเป็นกาเลยจะถือว่าเป็นผู้ชนะ
กติกา
                ๑. ผู้เป็นกาจะออกไปไล่แตะพ้นวงกลมหมดทั้งตัวไม่ได้ขณะที่ยังเฝ้าไข่อยู่ จะต้องมีมือหรือเท้าข้างใดข้างหนึ่งอยู่ในวงกลม ถ้าออกพื้นวงกลมขณะที่ยังเฝ้าไข่กาอยู่จะถือว่าถูกแย่งไข่หมด และดำเนินการเล่นขั้นตอนต่อไป
                ๒. ผู้เล่นทุกคนต้องตกลงกันล่วงหน้าเกี่ยวกับขอบเขตบริเวณของการนำไข่ไปซ่อน และอื่นๆเพื่อมิให้เกิดปัญหาในการเล่น
                ๓. ให้ผู้เล่นตัดสินกันเอง




เล่นเตย



        จำนวนผู้เล่นฝ่ายละประมาณ  ๕-๗ คน  สถานที่เล่น  ลานบ้าน  ลานวัด  สนามกว้าง
วิธีเล่น
     
 แบ่งกลุ่มผู้เล่นออกเป็น    ฝ่ายเท่าๆกัน  ฝ่ายหนึ่งเป็นฝ่ายรับ  อีกฝ่ายหนึ่งเป็นฝ่ายรุก  สนามเป็นล็อก  เริ่มเล่นด้วยการเสี่ยง  ใครชนะการเสี่ยงเป็นฝ่ายรุกก่อน  ฝ่ายรับจะยืนในล็อกต่างๆ  ฝ่ายรับจะเริ่มเล่นด้วยการบอกรุกว่า  

เปิด”  เมื่อเปิดฝ่ายรุกก็จะพยายาม  วิ่งผ่านล็อก  แต่ละล็อก  จนถึง ล็อกสุดท้าย  ในเที่ยวไปและกลับ  พยายามอย่าให้ฝ่ายรับแตะตัวได้เป็นอันขาด  โดยฝ่ายรุก  อาจจะใช้ความคิดความฉลาดไหวพริบล่อหลอกต่างๆ  ถ้าคนใดคนหนึ่งสามารถวิ่งผ่านไปได้โดยไม่มีใครแตะต้องตัวได้จนถึงเส้นเริ่มให้ร้องว่า  “เตย”  ดังๆ ก็จะเป็นฝ่ายชนะและให้เริ่ม  รุกใหม่อีก  แต่ถ้าฝ่ายรุกฝ่ายใดคนหนึ่งโดนแตะตัวได้ไม่ว่าจะที่ล็อกใดหรือเส้นใด  จะต้องเปลี่ยนข้างเล่นทันที  ฝ่ายรุกก็จะกลายเป็นฝ่ายรับ
กติกาการเล่น
         
ฝ่ายรับจะต้องยืนรอแตะอยู่ที่เส้นเท่านั้นเท้าทั้งสองจะต้องอยู่บนเส้น  (คนเก่งหรือเร็วที่สุดจะต้องอยู่เส้นกลาง)


ประโยชน์ ที่ได้คือ
ด้านร่างกาย ได้ออกกำลังกาย
ด้านสติปัญญา  มีไหวพริบปฏิพานที่ดี
ด้านอารมณ์   รู้จักควบคุมสติได้ มีสมาธิในการเล่น รู้จักแพ้ชนะและการให้อภัย
ด้านสังคม ได้เข้ารวมกลุ่มกับเพื่อนๆ ทำให้รู้จักการอยู่รวมกันและเล่นกันเป็นหมู่คณะ



กระต่ายขาเดียว



กระต่ายขาเดียว
จำนวนผู้เล่น
     ไม่จำกัดจำนวน
วิธีเล่น
     ขีดเส้นแบ่งเขตบนพื้น และมีเขตจำกัดเส้นออกไว้ด้วย แบ่งผู้เล่นออกเป็น 2 ฝ่ายเท่าๆ กัน ตกลงกันว่าใครจะเป็นกระต่ายก่อน กลุ่มที่เป็นกระต่ายจะคิดคำขึ้นหนึ่งคำ ให้มีพยางค์เท่ากับจำนวนคนในหมู่และจำต้องกำหนดพยางค์ให้แต่ละคนด้วย เมื่อคิดคำได้แล้วหมู่ที่เป็นฝ่ายเล่นทั้งหมดก็จะเป็นผู้เลือกว่า จะเอาพยางค์ใด ฝ่ายกระต่ายคนที่มีพยางค์ตรงกับที่โดนเลือกก็จะวิ่งกระโดดขาเดียวให้เร็วที่ สุด และไล่จับแตะคนในฝ่ายเล่น ถ้าคนใดโดนจับหรือถูกตัวกระต่ายก็ต้องออกจากการเล่น แต่ถ้ากระต่ายเปลี่ยนขาหรือขาแตะพื้นจะต้องเปลี่ยนเป็นกระต่ายตัวใหม่ที่ ฝ่ายเล่นจะเลือก เมื่อฝ่ายเล่นถูกไล่ตีจนหมดแล้วก็ถือว่าแพ้ ต้องมาเป็นฝ่ายกระต่ายบ้าง



ตัวอย่างการเล่น
     ฝ่ายกระต่ายมีสมาชิก 4 คน ก็คิดคำ 4 พยางค์ เช่น ทุเรียนหมอนทอง คนแรกเป็น “ทุคนที่เป็นเรียน” คนที่เป็นหมอน” คนที่เป็นทอง” เมื่อฝ่ายเล่นเรียกทอง” คนที่เป็นทองต้องกระโดด ขาเดียวไล่จับคนฝ่ายเล่น ถ้าเท้าตกถึงพื้นฝ่ายเล่นจะเลือกคนใหม่อีก จนกว่าจะหมด ถ้าฝ่ายกระต่ายแตะได้ก่อน หรือฝ่ายเล่นวิ่งออกนอกเส้นแบ่งเขต จะหมดสิทธิ์เป็นฝ่ายเล่นต้องมาเป็นฝ่ายกระต่ายแทน



ประโยชน์ ที่ได้คือ
ด้านร่างกาย ได้ออกำลังกายทำให้มีร่างกายที่แข็งแรง 
ด้านสติปัญญา  ทำให้มีสุขภาพจิตที่ดี ส่งผลให้พัฒนาการทางด้านสติปัญญาได้อย่างรวดเร็ว
ด้านอารมณ์  มีความเพลิดเพลิน มีสุนทรียภาพในการเล่น ร่าเริงแจ่มใส
ด้านสังคม ได้เข้ารวมกลุ่มกับเพื่อนๆ ทำให้รู้จักการอยู่รวมกันและเล่นกันเป็นหมู่คณะ


มอญซ่อนผ้า



มอญซ่อนผ้า

           การละเล่นแสนสนุกที่ทำให้ผู้เล่นได้ลุ้นไปด้วย โดยใช้อุปกรณ์เพียงแค่ผ้าผืนเดียวเท่านั้น แล้วให้ผู้เล่นเสี่ยงทาย ใครแพ้คนนั้นต้องเป็น "มอญ" ส่วนคนอื่น ๆ มานั่งล้อมวง คนที่เป็น "มอญ" จะต้องถือผ้าไว้ในมือแล้วเดินวนอยู่นอกวง จากนั้นคนนั่งในวงจะร้องเพลงว่า "มอญซ่อนผ้า ตุ๊กตาอยู่ข้างหลัง ไว้โน่นไว้นี่ ฉันจะตีก้นเธอ" 




           ระหว่างเพลงร้องอยู่ คนที่เป็น "มอญ" จะแอบทิ้งผ้าไว้ข้างหลังผู้เล่นคนใดคนหนึ่ง แต่เมื่อทิ้งผ้าแล้ว จะแกล้งทำเป็นยังไม่ทิ้ง โดยเดินวนไปอีก 1 รอบ หากผู้ที่ถูกทิ้งผ้าไม่รู้ตัว "มอญ" จะหยิบผ้ามาตีหลังผู้เล่นคนนั้น แล้วต้องกลายเป็น "มอญ" แทน แต่หากผู้เล่นรู้ตัวว่ามีผ้าอยู่ข้างหลัง ก็จะหยิบผ้ามาวิ่งไล่ตี "มอญ" รอบวง "มอญ" ต้องรีบกลับมานั่งแทนที่ผู้เล่นคนนั้น แล้วผู้ที่วิ่งไล่ต้องเปลี่ยนเป็น "มอญ" แทน

ประโยชน์ ที่ได้คือ
ด้านร่างกาย ได้ออกกำลังกายด้วยการเดินการวิ่งทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรงกระฉับกระแฉงว่องไว
ด้านสติปัญญา  การมีไหวพริบปฏิพานและมีความรู้สึกที่รวดเร็วขึ้น
ด้านอารมณ์  สามารถควบคุมอารมณ์ของตอนเองได้ในขณะเล่นรู้จัก
ด้านสังคม ได้เข้ารวมกลุ่มกับเพื่อนๆ ทำให้รู้จักการอยู่รวมกันและเล่นกันเป็นหมู่คณะ




ม้าก้านกล้วย



ม้าก้านกล้วย
  เป็นอีกหนึ่งการละเล่นที่แสดงถึงความมีภูมิปัญญาของคนไทยทีเดียว เพราะในสมัยก่อนแทบทุกบ้านจะปลูกต้นกล้วยไว้ทั้งนั้น ดังนั้น ต้นกล้วยจึงนำมาประยุกต์เป็นของเล่นให้เด็ก ๆ ได้อย่างดีทีเดียว โดยเฉพาะ ม้าก้านกล้วย ดูเหมือนจะถูกอกถูกใจเด็กชายวัยซนมากที่สุด เพราะเด็ก ๆ จะนำก้านกล้วยมาขี่เป็นม้า เพื่อแข่งขันกัน หรือทำเป็นดาบรบกันก็ได้


           วิธีทำม้าก้านกล้วย ก็ไม่ยาก เลือกตัดใบกล้วยออกมาแล้วเอามีดเลาะใบกล้วยออก แต่เหลือไว้ที่ปลายเล็กน้อยให้เป็นหางม้า เอามีดฝานแฉลบด้านข้างก้านกล้วยตรงโคนบาง ๆ เพื่อทำเป็นหูม้า แล้วหักก้านกล้วยตรงโคนหูม้าออก จากนั้นก็นำแขนงไม้ไผ่มาเสี้ยมปลายให้แหลม ความยาวประมาณคืบกว่า ๆ เสียบหัวม้าที่พับเอาไว้จนทะลุไปถึงก้าน เพื่อให้เป็นสายบังเหียนผูกปากกับคอม้านั่นเอง เสร็จแล้วก็นำเชือกกล้วยมาผูกด้านหัวม้าและหางม้า ทำเป็นสายสะพายบ่า แค่นี้ก็ได้ม้าก้านกล้วยไปสนุกกับเพื่อน ๆ แล้ว



ประโยชน์ ที่ได้คือ
ด้านร่างกาย ได้ออกกำลังกายทำให้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง 
ด้านสติปัญญา  ทำให้มีสุขภาพจิตที่ดี 
ด้านอารมณ์  มีความเพลิดเพลิน มีสุนทรียภาพในการเล่น ร่าเริงแจ่มใส
ด้านสังคม ได้เข้ารวมกลุ่มกับเพื่อนๆ ทำให้รู้จักการอยู่รวมกันและเล่นกันเป็นหมู่คณะ


ขี่ม้าส่งเมือง



ขี่ม้าส่งเมือง

            วิธีเล่น   แบ่งผู้เล่นเป็น 2 ฝ่าย เท่าๆ กัน เลือกผู้เล่นคนหนึ่งเป็นเจ้าเมือง ซึ่งจะต้องไม่เข้ากับฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่ง แต่ละฝ่ายจับไม้สั้นไม้ยาว เพื่อเลือกว่าใครจะเริ่มเล่นก่อน ฝ่ายชนะจะเริ่มเล่นก่อนโดยการเดิน มากระซิบชื่อใครคนหนึ่งของฝ่ายตรงกันข้ามกับผู้ที่เป็นเจ้าเมืองก่อน แล้วกลับไป ฝ่ายตรงกันข้ามจะเดิน มากระซิบบ้าง ถ้ากระซิบชื่อได้ตรงกับที่ฝ่ายแรกกระซิบไว้


 เจ้าเมืองจะกล่าวคำว่า โป้งคนกระซิบคนแรก ต้องเป็นเชลย และฝ่ายที่ทายถูกทายได้อีกครั้งจนกว่าข้างใดข้างหนึ่งจะหมด ฝ่ายใดหมดก่อน ฝ่ายนั้นแพ้ และให้ฝ่ายชนะขี่หลังไปส่งเมือง
ประโยชน์ 

ด้านสติปัญญา สร้างเสริมจินตนาการ บริหารสมองในการทายว่าฝ่ายตรงข้ามจะส่งใครมา
ด้านอารมณ์ ได้ฝึกการอยู่ร่วมกันผู้อื่น คลาดเคลียด
ด้านร่างกาย ได้ออกกำลังกาย บริหารกล้ามเนื้อขา
ด้านจิตใจ ฝึกให้เด็กยอมรับความจริง รู้แพ้รู้ชนะ รู้อภัย


ลิงชิงหลัก



ลิงชิงหลัก 

        

       วิธีเล่นคือ  ผู้เล่นคนหนึ่่ง สมมุติว่าเป็น สิงหลักลอยไม่มีหลักจับ ส่วนคนที่เหลือ เป็นลิงจับหลัก ผู้เป็นลิงหลักลอย ต้องพยายามแย่งหลัก ในขณะที่ผู้เล่นทั้งหมดเปลี่ยนที่กัน ส่วนมากมักจะใช้สี่หลัก ผู้ที่เป็นลิงชิงหลักต้องคอย สังเกตดูว่าตนจะชิงหลักไหนได้สะดวก ก็รีบวิ่งไปชิงหลักนั้นไว้ ถ้าจับหลักได้ก่อน ผู้ที่มาช้าก็เป็นลิงหลักลอย คอยชิงหลักของคนอื่น บางคนทำท่าเปลี่ยนแล้วไม่เปลี่ยนเป็นการล่อหลอก ถือว่าเท้ายังยึดหลักอยู่ ผู้อื่นจะชิงไม่ได้



ประโยชน์ 

ด้านสติปัญญา ฝึกไหวพริบการตัดสินใจและการช่างสังเกต ว่าคนไหนจะเปลี่ยนหลัก เราควรจะวิ่งไปหลักใด
ด้านอารมณ์ เด็ก ๆ ได้ผ่อนคลาด ได้ฝึกการอยู่ร่วมกับผู้อื่น
ด้านร่างกาย เด็กๆได้ออกกำลังกาย โดยเฉพาะส่วนขา เพราะการละเล่นนี้จะต้องมีการวิ่งเพื่อเปลี่ยนหลัก
ด้านจิตใจ ฝึกสมาธิ

 

แย้ลงรู



แย้ลงรู
จำนวนผู้เล่นไม่จำกัดจำนวน  สถานที่เล่น  สนามลานกว้าง  อุปกรณ์การเล่นเชือกหรือผ้าขาวม้า  ความยาวเท่าๆกัน  เท่าจำนวนผู้เล่น


วิธีเล่น
        
ปักหลักไม้ให้เป็นรูปสามเหลี่ยมปักให้แน่นๆ  จากนั้นก็นำปลายเชือกหรือผ้าขาวม้าผูกเอวผู้เล่นแต่ละคน  ปลายข้างหนึ่งผูกรวมไว้ตรงกึ่งกลาง  หันหน้าไปทางหลักที่เหลือทั้งสอง ท่าเตรียมเล่น  ผู้เล่นต้องอยู่ในท่าคลานเตรียมพร้อมที่จะเล่นเสมอ
กติกาการเล่น
        
หลังจากที่ได้รับสัญญาณให้เล่นแล้ว  จะต้องตะกุยพื้นพุ่งไปยังหลักที่อยู่ข้างหน้าของตัวให้ได้ก่อน  โดยที่ไม่ต้องยืน  ต้องออกแรงดึงคู่ต่อสู่  ไม่ให้ไปถึงหลักได้  ผู้ใดคว้าหลักข้างหน้าได้ก่อนจะเป็นผู้ชนะ

ประโยชน์ ที่ได้คือ
ด้านร่างกาย ได้ออกกำลังกายได้พละกำลัง
ด้านสติปัญญา  การมีไหวพริบปฏิพานและมีความรู้สึกที่รวดเร็วขึ้น
ด้านอารมณ์  สามารถควบคุมอารมณ์ของตอนเองได้ในขณะเล่นรู้จักน้ำใจนักกีฬารู้แพ้รู้ชนะและรู้จักการให้อภัย
ด้านสังคม ได้เข้ารวมกลุ่มกับเพื่อนๆ ทำให้รู้จักการอยู่รวมกันและเล่นกันเป็นหมู่คณะ


อ้ายเข้อ้ายโขง



อ้ายเข้อ้ายโขง
(IA KHAE IA KHONG)

จำนวนผู้เล่น  : ไม่จำกัดจำนวน
วิธีเล่น  :
              จับไม้สั้นไม้ยาวว่าใครจะเป็นอ้ายเข้ สมมุติเป็นแม่น้ำมี 2 ฝั่ง คนอื่นๆ อยู่บนบก อ้ายเข้อยู่กลางแม่น้ำ ทุกคนต้องว่ายน้ำข้ามฝั่ง อ้ายเข้คอยจับคนกำลังว่ายน้ำให้ได้ ถ้าอ้ายเข้จับใครได้คนนั้นต้องเป็นอ้ายเข้แทน ระหว่างวิ่งข้ามฝั่ง คนบนบกจะหยอกล้อทำท่าทางต่างๆ



บทร้องประกอบ : อ้ายเข้อ้ายโขง  อยู่ในโพรงไม้สัก  อ้ายเข้ฟันหัก กัดคนไม่เข้า
ประโยชน์ :
1. ได้เคลื่อนไหวอวัยวะส่วนต่างๆ ซึ่งนอกจากจะเป็นการฝึกการใช้กล้ามเนื้อแล้ว ยังทำให้เด็กได้ออกกำลังกายด้วย
2. ช่วยให้อารมณ์ดี เบิกบาน สดชื่น กระฉับกระเฉง สนุกสนาน คลายเครียด











































































































































































ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น